| โรคจากการติดเชื้อ Salmonella spp. |
| เขียนโดย มณฑล สุกใส |
| วันอาทิตย์ที่ 06 มิถุนายน 2010 เวลา 23:03 น. |
ผมเชื่อว่า ถ้าให้แต่ละคนลองช่วยกันนึกชื่อของเชื้อแบคทีเรีย ที่มีความอันตรายและเกี่ยวข้องกับอาหารมาสัก5รายชื่อ ผมเชื่อว่าเชื้ออย่าง Salmonella spp. ก็น่าจะติดอยู่ใน 5 รายชื่อแรกในแทบทุกความคิดเห็น ในสายงานที่เกี่ยวกับอาหาร ไม่ว่าจะต้นทางหรือปลายทางของการผลิตไม่ว่าจะคนที่มาจากวิทยาศาสตร์การอาหาร, สัตวบาล และจุลชีววิทยา หลายๆสถาบันทางอาจารย์ผู้สอนก็คงจะมีการพร่ำสอนให้ระมัดระวังอันตราย และรู้จักป้องกันตนจากเชื้อชนิดนี้ กันเป็นอย่างยิ่งยวด ทีนี้เรามาดูข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของเชื้อชนิดนี้กันบ้างนะครับ... Salmonella spp. เป็นแบคทีเรียแกรมลบ รูปร่างแบบท่อน ส่วนใหญ่เคลื่อนที่ได้ด้วยแฟลกเจลลายกเว้นอยู่สายพันธุ์คือ S. gallinarum และ S. pullorum โดยรยางค์สำหรับเคลื่อนที่จะเป็นแบบ peritrichous เชื้อชนิดนี้ไม่สร้างสปอร์ และเป็นญาติสนิทกับ Escherichia spp.อีกด้วย สภาวะที่ Salmonella ชอบและเจริญเติบโตได้ดีคือ อุณหภูมิ 37oC และภายใต้สภาวะ Facultative anaerobes อันเป็นสภาวะเดียวกับในลำไส้ใหญ่ของร่างกายมนุษย์ Salmonella spp สามารถสังเคราะห์ไฮโดรเจนซัลไฟด์ได้จากกระบวนการ Chemoorganotrophic ดังนั้นในการตรวจจับการปนเปื้อนของเชื้อชนิดนี้ เราจึงสามารถตรวจหาตะกอนเฟอรัสซัลไฟด์ โดยใช้อาหารเลี้ยงเชื้อที่มีแหล่งอาหารที่เป็นกำมะถันเช่นมี ซิสเตอีน (Cysteine) บ่มที่อุณหภูมิ 37oC เพื่อดูการปนเปื้อนเบื้องต้นของเชื้อกลุ่มที่มีความสามารถสร้าง "ไฮโดรเจนซัลไฟด์" โดยหนึ่งในเชื้อที่มีความสามารถในการสร้างก็คือ Salmonella spp. แหล่งปนเปื้อนของเชื้อเราสามารถพบเชื้อชนิดนี้ได้ตามแหล่งปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสุกร และสัตว์ปีก เป็นดัชนีบ่งบอกถึงสุขอนามัยพื้นฐาน ของโรงเลี้ยงได้ดี ยิ่งสกปรกเชื้อชนิดนี้ก็จะเจริญ เนื่องจากวงจรการเจริญของเชื้อไปๆมาๆกับมูลสัตว์ และระบบทางเดินอาหาร หากว่าโรงเรือนไหนมีระบบจัดการของเสีย และระบบระบายอากาศไม่ดีพอ ก็จะเกิดการปนเปื้อนซ้ำไปซ้ำมาเป็นวงจรเรื่อยไป เคยมีรายข่าวการระบาดของเชื้อเป็นชนิดนี้บนเปลือกไข่ เช่น S. enteritidis ซึ่งสันนิษฐานกันว่า มันเกิดขึ้นเนื่องจากไข่ได้มีเชื้อดังกล่าวตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ไก่แล้ว เชื้อจะไปเกาะในไข่แดง ดังนั้นเด็กหอที่ชอบต้มไข่พร้อมๆกับหุงข้าวในหม้อหุงข้าว ก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายเพิ่มด้วยนะครับ แหล่งน้ำกินน้ำใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์จุลินทรีย์ก่อโรคหลายชนิด รวมไปทั้ง Salmonella spp. ด้วย ด้วยอาการของไทฟอยด์ลงไปถึงหนึ่งในสามของทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับผลการตรวจรหัสDNA ของเชื้อแบคทีเรีย ที่พบในฟันจากศพที่ขุดขึ้นมาจากการฝังรวม ที่มีการประเมินว่าศพทั้งหมดได้ตาย ในช่วงดังกล่าว ในภาวะสงครามแย่งชิงพื้นที่ระหว่างกรีก และสปาร์ต้า ที่ใช้เวลารบกันนานปี จึงมีศพทหารจำนวนมากอันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของจุลินทรีย์ก่อโรค นอกจากชาวเมืองทั่วไปล้มตายลง Salmonella spp ยังได้คร่าชีวิตผู้นำทางการทหารของชาวกรีก อย่าง Pericles ด้วย รบชนะมาทุกสนามแต่กลับต้องมาตายเพราะเชื้อโรคตัวเล็กๆ จากการตายของผู้นำจึงทำให้ยุคนั้นกรีกถึงกับระส่ำระสายไร้ผู้นำ จึงถูกฝ่ายตรงข้ามคือ พวกสปาร์ต้าเข้ายึดอย่างง่ายดาย จึงสิ้นสุดยุคทองของ Pericles และของกรีกด้วยเช่นกัน จะเห็นตัวอย่างนะครับว่าในอดีตที่ผ่านมา ก็เคยมีการเสียบ้านเสียเมืองเพราะโรคภัยที่ติดมากับเชื้อ Salmonella spp นี้ด้วย ถึงแม้ว่าเราจะพบเชื้อชนิดนี้ในอุจจาระของมนุษย์ และสัตว์เลี้ยง เช่นเดียวกับบรรดา E.coli ญาติสนิทของมัน หลายคนก็คงจะงงว่าในเมื่อมันเป็นเชื้อที่มีอันตรายต่อร่างกาย แล้วทำไมเราถึงไม่รู้สึกเจ็บไข้ได้ป่วย นั่นก็เพราะว่าอาการเจ็บไข้เนื่องจาก Salmonella spp จะเป็นในแบบ Food infection นั่นเองจ๊ะ จึงจะก่อให้เกิดอาการเจ็บไข้ และในจำนวนน้อยกว่านั้นสำหรับผู้ีที่มีภูมิต้านทานต่ำ และสำหรับที่มาของชื่อ Salmonella ก็มีที่มาจากชื่อของสัตวแพทย์ผู้อุทิศตน ให้กับวงการระบาดวิทยานามว่า Daniel Elmer Salman คนในรูปทางซ้ายมือ ถึงแม้ว่าผู้ที่สามารถแยกเชื้อชนิดนี้ได้เป็นคนแรกคือ Theobald Smith โดยที่ Salman ขณะนั้นเป็นลูกมือให้กับ Theobald Smith ก็ตาม ซึ่งชื่อของเชื้อก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับปลาแซลมอน แต่อย่างใดตามที่หลายคนอาจจะคาดเดาไว้เลย อาการและการวินิจฉัยโรคถ้าเราแยกประเภทของโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจาก Salmonella spp. เราจะแบ่งแยกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน 1 Salmonellosisผู้ได้รับเชื้อจะมีอาการทางระบบทางเดินอาหารได้แก่ ท้องร่วง, อาเจียน, ปวดเกร็งที่บริเวณหน้าท้อง, มีไข้ โดยอาการจะเกิดขึ้นจากร่างกายรับเชื้อที่มากพอภายในเวลา 8-72ชั่วโมง ซึ่งการที่ระยะเวลาในการเกิดอาการค่อนข้างกว้าง นั้นก็เพราะ อาการของโรคนี้จะเป็นในลักษณะ Food Infection เชื้อจะต้องมากพอจึงจะทำให้เกิดอาการของโรค แล้วร่างกายจึงจะเกิดกลไกในการขจัดเชื้อดังกล่าวทิ้งด้วยการขับถ่าย, อาเจียน และโดยทั่วไปแล้วในคนที่แข็งแรง มีภูมิต้านทานปกติ และไม่ได้รับเชื้อเพิ่ม ก็จะหายเองได้ภายในเวลา1สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยที่ขับถ่ายติดต่อกัน มีอาการท้องร่วงรุนแรง ก็ควรที่จะนำส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการรักษาตามขั้นตอนต่อไป 2 ไทฟอยด์ หรือไข้รากสาดน้อยเชื้อที่เป็นสาเหตุในลำดับต้นๆที่ทำให้เกิดอาการไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อยคือ S.typhi นั่นเอง ตัวรองลงมาก็คือ S.typhimarium ซึ่งในสมัยเด็กๆตอนประถม เราจะเรียนกันมาว่า แมลงสาปเป็นพาหะของโรคชนิดนี้ ซึ่งมันก็ถูกต้องส่วนหนึ่งเพราะว่าแมลงสาปเป็นสัตว์กินซากพืชและซากสัตว์ในระบบนิเวศ ซึ่งในซากพืชซากสัตว์ก็จะอุดมไปด้วยจุิลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคหลายชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Salmonella spp. ตัวที่เราพูดถึงกันอยู่ด้วยนะ อาการของไทฟอยด์จะรุนแรงกว่า Salmonellosis มาก ผู้ป่วยไทฟอยด์เริ่มแรกจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ไอแห้งร่วมด้วย และพบอาการท้องผูกในผู้ใหญ่มากกว่าท้องร่วง อาการบ่งชี้ได้ดีได้แก่ หัวใจเต้นช้า ม้ามโต มีผื่นดอกกุหลาบขึ้นตามผิวหนังภายนอก นอกจากนี้ในรายที่เป็นหนักๆ จะมีแผลในลำไส้ เนื่องจากการดูดซึมของเหลวภายในผิดปกติ และอาจทำให้เกิดเลือดออกในลำไส้ รวมถึงลำไส้ทะลุด้วย จะมีอาการทางระบบการได้ยิน มีไข้แต่ไม่มีเหงื่อ และระบบตอบสนองต่อสิ่งเร้าลดลง และอาจมีการอักเสบของต่อมพาโรติด นอกจากนั้นยังพบว่าในผู้ป่วยที่เสียชีวิต เนื่องจากไทฟอยด์ จะมีอาการเนื้อสมองอักเสบร่วมด้วย ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานปกติ และไม่ได้รับเชื้อเพิ่มเติมก็มีโอกาสหายเองได้ เหมือนกัน แต่ถ้าทำการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ อัตราการเสียชีวิตจะลดลงเหลือ ต่ำกว่า 1% สำหรับจุลินทรีย์แกรมลบ เฉกเช่น Salmonella spp แล้ว การใช้ยาปฏิชีวนะให้ผล ในการบำบัดได้ผลดี ยากลุ่มเพนนิซิลิน (ampicillin), คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol) อะมอกซิลิน ( amoxicillin), ไซโปรฟอกซิน (ciprofloxacin), และ ไตรเมทอกไพรม์-ซัลฟาเมทอกโซล (trimethoprim-sulfamethoxazole) จะเป็นกลุ่มยาที่ใช้รักษาในประเทศกำลังพัฒนา ทำให้การรักษาด้วยการใช้ยานั้นจะต้องทำด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนในประเทศพัฒนาแล้วจะใช้ยาที่มีราคาสูงกว่า อย่าง Mucomelt-Forte ซึ่งเตรียมจาก Cefixime และ Acetylcysteine 3 อาการพาราไทฟอยด์สำหรับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นตัวการให้เกิดอาการพาราไทฟอยด์ ตัวหลักๆคือ S.paratyphi ซึ่งประกอบสามสายพันธุ์ย่อยได้แก่ Salmonella paratyphi A, S. paratyphi B (หรือ S. schottmuelleri) และ S. paratyphi C (S. hirschfeldii) สำหรับตัวที่พบในประเทศไทยจะเป็นตัวหลังสุดนี้ สำหรับความหมายของคำว่า para ในภาษาละตินก็คือ ใกล้ๆ ดังนั้นพาราไทฟอยด์ จึงแปลว่าใกล้ๆกับไทฟอยด์ อาการโดยทั่วไปของพาราไทฟอยด์จึงใกล้เคียงกับไทฟอยด์ตามชื่อที่ได้รับ เพียงแต่ว่าความรุนแรงของพาราไทฟอยด์จะน้อยกว่า รวมทั้งอัตราการตายน้อยกว่ามาก สำหรับผู้ที่ทราบว่าตัวเองเกิดอาหารเป็นพิษเนื่องจากเชื้อชนิดนี้ การรับประทานยาพวก Lomitil เป็นสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ เพราะเป็นการแก้ไขไม่ถูกจุด เป็นการขัดขวางกลไกในการกำจัดของเสียทางร่างกายด้วยวิธีขับถ่าย ทางด้านองค์การอนามัยโลก ได้ประกาศมาว่ามีชาวโลกมีอาการเจ็บไข้อาหารเป็นพิษเนื่องจากเชื้อ Salmonella spp. ตกปีละ 16ล้านคน และมีรายงานผู้เสียชีวิตราวๆ 25,000รายต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดนี้จะอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา การป้องกันการดูแลสุขลักษณะส่วนบุคคลที่ดี เช่นการล้างมือเป็นกิจวัตร จะีเป็นการป้องกันการปนเปื้อนจุลินทรีย์ชนิดนี้ได้ดี เนื่องจากพวกแบคทีเรียแกรมลบจะไม่ค่อยถูกกับบรรดาดีเทอร์เจนต์ต่างๆเท่าไรนัก ส่วนหนึ่งมาจากการผนังเซลล์มีลิปิดสะสมมาก และชั้นบางกว่าแกรมบวกอีกต่างหาก จึงเสริมฤทธิ์การทำงานของดีเทอร์เจนต์ให้ได้ผลดีขึ้น แล้วนอกจากนั้นเชื้อ Salmonella spp. ก็ถูกทำลายลงได้ในระดับความร้อนพาสเจอไรซ์ ดังนั้นเราควรที่จะรับประทานอาหารที่ผ่านการต้มสุก หรือแปรรูป แทนที่จะบริโภคสุกๆดิบๆซึ่งเสี่ยงต่อโรคทางอาหารต่างๆอีกเพียบ สำหรับน้ำดื่มนั้นเราควรจะบริโภคน้ำจากแหล่งน้ำที่สะอาดมาจากแหล่งที่มีความเชื่อมั่นว่าปลอดภัย หรือนำไปต้มก่อนดื่ม รวมทั้งน้ำแข็งที่ใช้สัมผัสกับอาหารก็ควรจะมาจากแหล่งน้ำที่มีความสะอาดปลอดเชื้อ สำหรับการฉีดวัคซีน ก็เป็นวิธีที่ใช้ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อชนิดนี้อีกวิธี โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องฉีดให้กับทุกคน ทางปฏิบัตินั้นเราจะฉีดให้กับผู้เสี่ยงที่อยู่ในเขตโรคระบาด หรือเดินทางมาจากแหล่งที่เกิดโรคระบาด สำหรับสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติจากธรรมชาตินั้น ในอดีตที่ผ่านมาการสะสมของซากศพและของเสียก็เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่ประชากรในเขตดังกล่าวจะได้้รับเชื้อชนิดนี้ ดังนั้นสำหรับภาครัฐแล้ว การจัดหาน้ำดื่ม จัดสเบียงอาหาร รวมไปทั้งระบบดูแลจัดการของเสียและรวมไปถึงซากศพจะต้องเร็ว และถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล |
Read more: โรคจากการติดเชื้อ Salmonella spp.| Food science, food industrial technology On Blog http://www.thaifoodscience.com
